ทำไมต้องแยก Environment ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ 🤔
เวลา dev ระบบจริง เราไม่สามารถมีแค่ Production ได้ ลองนึกภาพ push code ใหม่แล้วปล่อยตรงไปให้ user ใช้เลย… โอกาสพังสูงมาก 🥲
เลยต้องมีการ แยก environment หลายชั้น เพื่อให้การพัฒนา → ทดสอบ → ขึ้นตลาดจริง มีความปลอดภัยและควบคุมได้ง่ายขึ้น
1. Local Environment
- รันบนเครื่องของ dev แต่ละคน
- ใช้ config และ database ส่วนตัว
- ปรับแต่งได้อิสระ ไม่กระทบทีมอื่น
ใครใช้: developer แต่ละคน
2. Development (DEV) Environment
- รวมโค้ดล่าสุดจากทุกคน
- ใช้สำหรับ debug และลอง feature
- ไม่เสถียร เพราะโค้ดเปลี่ยนตลอด
ใครใช้: developer ทีมทั้งหมด
3. PVT (Private Test / Pre-validation Test)
- บางองค์กรจะมี env นี้เพิ่มมา
- เป็นเหมือน buffer zone ระหว่าง DEV → UAT
- ใช้ตรวจสอบ feature ที่เสร็จแล้วภายในทีมก่อนส่งให้ business
ใครใช้: QA / Dev lead / Tester
📌 Note: PVT ไม่ใช่มาตรฐานสากล แต่ทีมใหญ่ ๆ มักเพิ่มไว้เพื่อลดบั๊กหลุดไป UAT
4. SIT (System Integration Test)
- ใช้ทดสอบการรวมระบบ: API, service, module ต่าง ๆ
- เช็กว่า component คุยกันได้จริง
- บางที่ merge เข้ากับ DEV/UAT เลยก็มี
ใครใช้: QA / DevOps
5. UAT (User Acceptance Test)
- จำลองตลาดจริงให้ user/business มาทดสอบ
- ใกล้เคียง production ที่สุด
- ถ้า UAT ผ่าน = พร้อมขึ้น PROD
ใครใช้: QA / Business / Key users
6. Staging Environment
- Pre-production ที่ replicate production เกือบ 100%
- ใช้ regression test, performance test, load test
- เหมือนซ้อมใหญ่ก่อนปล่อยจริง
ใครใช้: QA / DevOps / Stakeholders
7. Production (PROD) Environment
- ระบบจริงที่ลูกค้าใช้งาน
- ต้องเสถียร ปลอดภัย และ monitor ได้ตลอด
ใครใช้: end-user จริง ๆ
8. Sandbox Environment
- ใช้ตอนเชื่อม API ภายนอก เช่น Payment, Banking, OAuth, LINE, Facebook
- เป็น env ที่ partner เปิดให้ลองโดยไม่กระทบของจริง
ใครใช้: Developer / Partner
9. Preview หรือ Ephemeral Environment
- Env ที่สร้างอัตโนมัติสำหรับ branch หรือ Pull Request
- เอาไว้ preview feature ชั่วคราว เช่น web ก่อน merge
- ใช้เสร็จแล้วก็ลบทิ้งได้
ใครใช้: Developer / Reviewer / QA
Flow ของ Environment
โดยทั่วไปการไหลจะเป็นแบบนี้:
Local → DEV → PVT → SIT → UAT/Staging → PROD
(บางทีมไม่มี PVT หรือ Staging แล้วแต่ process ของทีม)
Checklist เวลาออกแบบ Environment
- ห้ามใช้ database ของ PROD ใน DEV/UAT
- Config ต้องแยกชัด เช่น
.envหรือ secret manager - PROD ต้องมี monitoring + logging
- ทีมต้องตกลงกันว่า PVT หมายถึงอะไร (บางที่ใช้ = Private Test, บางที่ใช้ = Product Validation Test)
- UAT/Staging ต้อง replicate production ให้มากที่สุด
สรุปสั้น ๆ
- DEV → โค้ดล่าสุดสำหรับ dev ใช้
- PVT → เช็กงานภายในก่อน UAT
- SIT → ทดสอบ integration ของระบบ
- UAT → ให้ user/business ยืนยันการทำงาน
- Staging → pre-production, ซ้อมใหญ่
- PROD → ตลาดจริง ลูกค้าใช้จริง
- Sandbox/Preview → เสริม สำหรับเชื่อม API ภายนอกหรือทดสอบ branch
การมี environment ที่ชัดเจน จะช่วยให้ทีม dev ทำงานได้มั่นใจ ลดบั๊ก ลด downtime และส่งมอบระบบที่เสถียรให้ user ทุกครั้ง 🚀